กฎหมายพาณิชย์เกี่ยวกับเรื่องการคิดดอกเบี้ยเงินกู้

• คราวที่แล้วได้พูดถึงเรื่องของการกู้เงิน ว่ามีหลักเกณฑ์ที่จะต้องพิจารณากันอย่างไรบ้าง

• ซึ่งตรงนี้คนกู้ หรือคนที่จะให้กู้ก็สามารถจะนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน

• ที่นี้ในเรื่องของการกู้ยืมเงินนั้น ไม่ใช่ว่าจะทำกันอย่างไรก็ได้ คิดจะเรียกดอกเบี้ยกันเท่าไหร่ก็เรียก อย่างนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แล้วการที่ทำไม่ถูกต้องนั้นมันก็มีผลตามมาด้วยเสมอ เช่น ไม่ยอมทำสัญญากู้ หรือไม่ยอมทำหลักฐานการกู้เงินกันไว้ สุดท้ายคนกู้ไม่ยอมเอาเงินมาคืน ผู้ให้กู้จะไปเรียกร้องหรือฟ้องร้องก็ไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานที่จะแสดงต่อศาลได้ หรือกรณีปล่อยกู้โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน อย่างนี้ก็โหดเกินไป พอลูกหนี้ไม่มีเงินมาจ่ายก็ต้องไปฟ้องร้องกันเป็นเรื่องเป็นราว เป็นต้น

• ในเรื่องของการเรียกดอกเบี้ยตามสัญญาเงินกู้นั้น กฎหมายได้กำหนดให้สามารถเรียกดอกเบี้ยกันได้ไม่เกินร้อยละ 15 บาทต่อปี หรือร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือน หากมีการเรียกเกินไปกว่านั้น ก็เป็นการเรียกดอกเบี้ยเงินกู้

• เกินกำหนด ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ ทำให้ข้อตกลงเรื่องของดอกเบี้ยตกเป็นโมฆะไปทันที

• และคนให้กู้ก็อาจจะมีความผิดทางอาญาอีกข้อหาหนึ่ง คือ ข้อหาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา

• ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกด้วย

• ( แต่ว่าในส่วนของต้นเงินที่มีการกู้ยืมกันจริงๆ นั้น ก็ยังสามารถเรียกร้องกันได้อยู่นะครับ )

• ดังนั้นในการตกลงกันในเรื่องนี้ ก็ต้องพิจารณากันให้ดีนะครับ เพราะว่าเรื่องที่ทำบางทีก็เห็นว่าเป็น

• เรื่องธรรมดาๆ ชาวบ้านที่ไหนเขาก็ทำกันถมไป ไม่น่ามีอะไรเสียหาย แต่เอาไปเอามาพอทำไปแล้ว

• ก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ขาข้างหนึ่งของตัวเองนั้นแหย่เข้าไปในคุกในตารางเสียแล้ว

• ในการเรียกดอกเบี้ยเงินกู้นั้น หากเรียกตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากวนใจท่านได้

• ซึ่งในเรื่องของดอกเบี้ยนั้น กฎหมายก็ยังบอกเอาไว้อีกว่า ท่านสามารถที่จะเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกินกว่า 1 ปี ไปทบเข้ากับต้นเงินที่มีอยู่แล้วก็ได้ จากนั้นก็คิดดอกเบี้ยจากต้นเงินใหม่นั้นได้ทั้งหมด แต่ว่าการที่จะทำอย่างนั้นได้ มันต้องมีการตกลงกับคู่สัญญาของตัวเองเสียก่อน และข้อสำคัญข้อตกลงนี้ต้องทำเป็นหนังสือให้ชัดเจนด้วยนะครับ

• สุดท้ายอาจมีคนสงสัยว่า หากลูกหนี้ผิดสัญญาแล้วเราจะเรียกดอกเบี้ยในดอกเบี้ยที่ลูกหนี้ค้างชำระเราอยู่ได้หรือไม่ คำตอบที่ได้ก็คงบอกว่า ไม่สามารถทำได้นะครับ